การเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพ ทำได้อย่างไรบ้าง?
วันที่ตีพิมพ์: 29 กรกฎาคม 2562ช่างภาพมืออาชีพย่อมยินดีที่จะช่วยคุณเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพเสมอ แต่การที่คุณจะสื่อสารกับช่างภาพให้เกิดผลตั้งแต่แรกนั้น คุณจำเป็นต้องถามคำถามเหล่านี้กับตัวเองก่อนที่คุณจะเริ่มตามหาช่างภาพเสียอีก
คำถามข้อที่ 1 – ฉันอยากได้ภาพแบบใด?
เป็นคำถามปลายเปิดกว้างๆ แต่นี่เป็นสิ่งแรกที่ช่างภาพจะถามคุณ และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในขณะเดียวกัน การถ่ายภาพมีลักษณะใดบ้าง:
- ภาพบุคคลเพียงคนเดียว
- ภาพคู่รัก (ซึ่งมีตัวเลือกยิบย่อยลงไปอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพเลิฟสตอรี่ ภาพแต่งงาน ภาพพรีเวดดิ้ง หรือภาพคู่หูคู่ซี้)
- ภาพครอบครัว
- ภาพงานอีเว้นท์ต่างๆ (เช่น ภาพวันเกิด ภาพพิธีแต่งงาน ภาพงานปาร์ตี้ ฯลฯ)
- ภาพโครงสร้างภายในอาคาร (สำหรับใช้ในการทำธุรกิจ)
- ภาพโปรโมทต่างๆ
บทสนทนาที่ลึกลงไปจะขึ้นอยู่กับคำตอบนี้ของคุณ ตอนนี้ลองมาดูตัวเลือกยอดนิยมกันดีกว่า
การถ่ายภาพบุคคล ภาพคู่รัก หรือ ภาพครอบครัว ในวันที่สะดวก
ตัวเลือกเหล่านี้ ล้วนเป็นคำตอบที่พบเห็นได้มากที่สุด
มันเป็นตัวบอกใบ้ว่าคุณยังไม่มีกำหนดการที่เป็นรูปเป็นร่าง รวมทั้งยังมีแนวคิดหลายๆอย่างที่แม้แต่ตัวคุณเองก็ยังไม่แน่ใจนัก
ก่อนที่จะติดต่อช่างภาพของคุณ ขอให้คุณคิดไว้ก่อนว่าจะใส่เสื้อผ้าแบบใด จะเป็นชุดสูท ชุดเดรส ชุดอาบน้ำ หรือชุดอื่นๆ เพราะสถานที่สำหรับการถ่ายทำจะขึ้นอยู่กับสไตล์การแต่งตัวของคุณ
แน่นอนว่าช่างภาพจะมีทางเลือกให้คุณ แต่การรู้ “ธีม” ที่คุณต้องการล่วงหน้า จะเป็นตัวกำหนดทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
นอกจากนี้ หากคุณมีเด็กเล็กมาร่วมด้วย ข้อจำกัดในการถ่ายทำย่อมมีมากขึ้นไป
การถ่ายภาพงานอีเว้นท์ในวันเวลาที่กำหนด
คงไม่มีใครคิดจะเลื่อนวันแต่งงานหรือวันฉลองวันเกิดออกไปโดยไม่มีเหตุผล จริงหรือไม่?
ดังนั้น คำแนะนำแรกของการเลือกช่างภาพสำหรับการถ่ายภาพลักษณะนี้ คือ รีบจองตัวเขาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
การจะหาช่างภาพที่ดีให้ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนวันงานนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก
สำหรับคำแนะนำที่สอง คือ การถ่ายภาพในลักษณะนี้ มักมาพร้อมกับเงื่อนไขเฉพาะตัวและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเสมอ
ดังนั้น การแจ้งรายละเอียดทุกอย่างกับช่างภาพล่วงหน้า และตกลงกันในเรื่องของเงื่อนไข ข้อจำกัด และกำหนดเวลาที่ชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
การถ่ายภาพโครงสร้างภายในอพาร์ทเม้นท์ หมู่บ้าน ร้านอาหาร และโรงแรม
แม้ว่าการถ่ายภาพลักษณะนี้จะไม่เคร่งครัดในเรื่องของวันที่ถ่ายทำมากนัก สภาพอากาศก็เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบเป็นอย่างมาก
ภาพที่ได้จากการถ่ายทำลักษณะนี้จะถูกใช้ในการโฆษณาไปอย่างยาวนาน ความละเอียดถี่ถ้วนและคุณภาพของผลงานจึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดอัตราค่าบริการและสภาวะการทำงานของช่างภาพ
โดย 99% แล้ว ช่างภาพจะขอเข้ามาสำรวจพื้นที่ล่วงหน้า และจะพบปะพูดคุยกับเจ้าของเกี่ยวกับรายละเอียดสำคัญต่างๆก่อนวันถ่ายทำจริง
การถ่ายภาพโฆษณา
แม้ว่าการถ่ายภาพโครงสร้างภายในอาคารจะถูกใช้เพื่อการโฆษณาเช่นกัน แต่มันก็ไม่รวมไปถึงการร่วมงานกับนายแบบและนางแบบ ปัจจัยที่เพิ่มขึ้นมานี้ทำให้การถ่ายภาพโฆษณามีความซับซ้อนมากขึ้น ทั้งในเรื่องของการกำกับนักแสดง และการออกแบบสไตล์การแต่งตัว
การเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพโฆษณา มักกินเวลาและงบประมาณไปกว่า 70% ของทั้งหมด
ผลงานที่จะแสดงให้ลูกค้า ต้องทำให้พวกเขาพึงพอใจอย่างสิ้นเชิง และต้องทำให้ได้ตั้งแต่ขั้นวางแผนและเตรียมงาน
การถ่ายทำจริงและการตัดต่อหลังถ่ายทำ เป็นเพียง 20% ของความสำเร็จเท่านั้น
จึงขอให้คุณเข้าใจในจุดนี้ และอย่าได้คาดหวังว่าอัตราค่าบริการจะเทียบเท่ากับการถ่ายภาพจุมพิตของคู่รักบนชายหาด
คำถามข้อที่ 2 – ควรเลือกถ่ายในสถานที่แบบใด?
แน่นอนว่าช่างภาพจะมีตัวเลือกสถานที่มาเสนอให้คุณ
ตัวอย่างเช่น ราว 90% ของการถ่ายภาพบนเกาะสมุย จะต้องมีชายหาดเป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำเสมอ
ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด ด้วยการที่มันเป็นเกาะทางเขตร้อนโดยธรรมชาติ
แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกในการเดินทางจากที่พักของคุณด้วย
หากคุณพักอาศัยอยู่ในพื้นที่โรงแรมหรือหมู่บ้านที่โด่งดัง การถ่ายภาพชายหาดที่อัดแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวก็คงจะไม่เหมาะไปเสียทีเดียว
ด้วยเหตุผลนี้ ผมจึงขอแนะนำให้คุณปรึกษาในเรื่องของการเดินทางกับช่างภาพของคุณก่อน
อย่างไรก็ตาม ความหลากหลายทางสถานที่ของเกาะสมุย ก็สามารถรองรับรสนิยมของผู้คนได้ทุกเพศทุกวัย
มีตั้งแต่สวนปาล์ม แหล่งปลูกต้นมะพร้าว น้ำตก ภูเขา แม่น้ำ ศูนย์วัฒนธรรม วัด ไปจนถึงสถานที่ชมวิวต่างๆมากมาย
โปรดอย่าได้ลังเลที่จะเปิดเผยความปรารถนาและความคาดหวังของคุณให้ช่างภาพได้รับรู้
ผมมีภาพจากสถานที่ต่างๆที่ได้คัดเลือกมาแล้ว ให้คุณได้รับชมระหว่างการพิจารณาสถานที่ที่คุณต้องการ
คำถามข้อที่ 3 – จำนวนเงินที่ฉันยอมจ่ายสำหรับการถ่ายภาพ
บ่อยครั้งที่บทสนทนาจะเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “บริการถ่ายภาพคิดราคาเท่าไร?”
และก่อนที่ช่างภาพจะตอบคุณได้นั้น ก็ต้องขอให้คุณย้อนกลับไปตอบ 2 คำถามแรกเสียก่อน เพราะอัตราค่าบริการถ่ายภาพไม่ใช่ตัวเลขที่คงที่นั่นเอง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทำไมต้องมีช่างภาพมืออาชีพด้วย?
- ประสบการณ์การทำงานภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป การถ่ายภาพให้สวยตอนที่มีแสงดีๆและมีนางแบบมืออาชีพนั้น ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้ทั้งนั้น แต่หากสถานที่ถ่ายทำมีสภาวะที่แตกต่างออกไปแม้เพียงเล็กน้อย มันก็จะเป็นอุปสรรคอย่างใหญ่หลวงสำหรับมือใหม่ ส่วนทางด้านมืออาชีพนั้น พวกเขาเคยพบเจอปัญหาเหล่านี้มาแล้วนับพันๆครั้ง และการหาทางออกที่เหมาะสมที่สุดก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
- ประสบการณ์การร่วมงานกับคนอื่น บนโลกนี้มีผู้คนอยู่หลากอายุหลายเชื้อชาติ การถ่ายรูปแบบ “มองกล้องแล้วยิ้ม” ก็นับเป็นสิ่งที่ธรรมดาที่สุด แต่หากภาพวันหยุดพักร้อนของคุณมีแต่ภาพแบบนี้ไปเสียทั้งหมด มันก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายไม่น้อย การจะถ่ายภาพให้ดูมีชีวิตชีวาและอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนั้น จำเป็นต้องอาศัยช่างภาพผู้มีความรู้ทางจิตวิทยาอยู่ด้วย เขาผู้นั้นจะกำกับคุณในทางที่เห็นสมควร เพื่อช่วยลดอาการตื่นเต้น และแนะนำในสิ่งที่คุณควรทำ รวมทั้งวิธีการที่จะทำมันออกมาให้ดี เพื่อให้คุณได้แสดงหลากหลายความรู้สึกออกมาจากใจจริง ไม่เพียงแค่ยืนยิ้มเป็นไอดอลหน้ากล้องเสียอย่างเดียว
- เครื่องมือคุณภาพสูง หากคุณมีกล้องระดับมืออาชีพและมีเลนส์อันยอดเยี่ยม จนสามารถถ่ายภาพที่คมชัดทุกอณูออกมาได้ ก็นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่อุปกรณ์ระดับนั้นมักมาพร้อมกับราคาที่สูงเสียดฟ้าเสมอ และการลงทุนในระดับนั้นเพียงเพื่อการเดินทางไกลหรือการถ่ายภาพครอบครัวที่นานๆจะทำสักครั้ง มันก็ดูเป็นการฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุไปไม่น้อย ในทางกลับกัน ช่างภาพเป็นอาชีพที่ต้องใช้มันในการดำรงชีวิต มีความจำเป็นต้องทำผลงานให้ออกมามีคุณภาพที่สุดเท่าที่จะทำได้ อุปกรณ์เหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับอาชีพนี้
- ประสบการณ์การใช้งานเทคโนโลยีก็เป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน ดังคำพูดที่ว่าการขยับตัวหมากเพียงอย่างเดียว ไม่เหมือนกับการเล่นหมากรุกนั่นเอง
- การประมวลผลภาพแบบคุณภาพสูง ชื่อที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง “Photoshop” ฟังดูเหมือนเวทมนตร์ที่แก้ได้ทุกปัญหาของการถ่ายรูป แต่การที่โปรแกรมสามารถทำแบบนั้นได้ ก็เพียงเพราะมันมีฟีเจอร์และเครื่องมือจำนวนมากเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้ว คำถามควรจะเป็นราคาของงานเสียมากกว่า แต่ผมขอละหัวข้อนี้ไว้เพียงเท่านี้ก่อน ผมเพียงอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ช่างภาพมืออาชีพคือผู้ที่ทำงานสายนี้มานานปี พวกเขาย่อมรู้ถึงวิธีที่จะทำให้ผลงานออกมาดูดีที่สุด ต่างจากคนอื่นๆที่ใช้เพียงหลักการที่ว่า “เปิดดูพรีเซ็ต” และ “สีนี้ดูเท่ดี”
คำถามข้อที่ 4 – การถ่ายภาพใช้เวลานานเท่าไร?
- “เราต้องการแค่ไม่กี่ภาพเป็นที่ระลึกเท่านั้น ขอให้เสร็จภายในครึ่งชั่วโมงได้หรือไม่?”
- “ฉันอยากถ่ายในชุดอาบน้ำ 5 ชุด และมีชุดเดรสอีก 3 ชุด แค่ชั่วโมงเดียวก็น่าจะพอนะ”
- “ถ่ายเต็มวันต้องมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?”
นี่คือประโยคที่ช่างภาพต้องพบเจออยู่บ่อยครั้งในบทสนทนา น่าเสียดายที่มันเป็นคำถามที่บ่งบอกว่าคุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการถ่ายภาพเลย และคุณก็ไม่รู้ในสิ่งที่คุณต้องการแม้แต่น้อยด้วย
การจะถ่ายรูปที่ดูดีมีชีวิตชีวาให้ได้ภายในครึ่งชั่วโมงนั้น ตัวคุณจะต้องเป็นนางแบบมืออาชีพผู้รู้จักการควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองอย่างดีเยี่ยม และยังต้องมีทักษะการโพสท่าและความพร้อมอย่างไร้ที่ติ
แต่โดย 99% แล้ว ลูกค้าที่ถามคำถามเหล่านี้มักเป็นคนธรรมดาที่อย่างมากก็มีประสบการณ์เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น และส่วนมากก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยแม้แต่น้อย
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงจำเป็นต้องจำกัดเวลาที่สั้นที่สุดไว้ที่ 2 ชั่วโมง จากประสบการณ์ของผม ลูกค้าจะ “เข้าสู่โหมดถ่ายรูป” หลังจากเริ่มต้นไปแล้ว 1 ชั่วโมง ต้องเป็นขั้นนี้เท่านั้น ที่เราจะรับรู้ถึงความต้องการและมุมมองของกันและกันได้อย่างชัดเจน ซึ่ง “ผลงานชิ้นเอก” มักจะเกิดขึ้นภายในชั่วโมงที่ 2 และ 3 เท่านั้น
รูปภาพที่จะทำให้ทั้งตัวคุณและช่างภาพต้องปลาบปลื้ม และยังจับอกจับใจทุกคนที่ได้เห็น เพราะมันเป็นภาพที่สะท้อนบรรยากาศและความรู้สึกจากใจจริงออกมา
ทั้งนี้การมีเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนจำนวนมากเกินไป จะเปลี่ยนให้งานนี้กลายเป็นงานโฆษณาขายชุด และเป็นคอลเลกชันเครื่องแต่งกายของคุณเสียมากกว่า
แต่หากนั่นเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของคุณ คุณก็ควรแจ้งช่างภาพเสียแต่เนิ่นๆ
ก็เหมือนดังที่กล่าวมา หากคุณไม่ใช่นางแบบมืออาชีพ มันเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการถ่ายภาพ เพราะคุณจะกังวลอยู่กับจำนวนเสื้อผ้าที่ยังหลงเหลืออยู่
ทางด้านความต้องการที่จะถ่ายทำแบบเต็มวันนั้น อาจเป็นเพราะคุณมีงบไม่จำกัด หรืออาจเข้าใจผิดบางประการเกี่ยวกับขั้นตอนการถ่ายทำ
หรืออาจจะเป็นทั้ง 2 เหตุผล :) อย่างไรก็ตาม คำว่า “ครึ่งวัน” หรือ “ทั้งวัน” ล้วนมีความหมายต่างออกไปในแต่ละบุคคล
เวลาครึ่งวันหมายถึงอะไร?
- 12 ชั่วโมง (จาก 24 ชั่วโมงในหนึ่งวัน) ?
- 8 ชั่วโมง (จากเวลาที่พระอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะ) ?
- 4 ชั่วโมง (จากชั่วโมงทำงานเฉลี่ยที่ 8 ชั่วโมงต่อวัน) ?
การบอกเวลาเป็นตัวเลขที่ชัดเจน ย่อมเป็นการสื่อสารที่เข้าใจได้ง่ายกว่า และแน่นอนว่าการกำหนดเวลาต้องเป็นหลังจากที่คุณตอบ 3 คำถามก่อนหน้านั้นแล้ว
หรือบางทีคำถามนี้อาจไม่มีความจำเป็น เพราะช่างภาพอาจให้คำตอบกับคุณแล้วระหว่างการพูดคุยปรึกษากัน
หากคุณคิดว่าบทความนี้ขาดตกปัญหาสำคัญบางอย่างไป ขอให้เขียนบอกผมในคอมเมนต์ เพื่อให้หัวข้อสนทนานี้ดำเนินต่อไป